วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2562

วิจัยชี้ไม่พบ "ยีนเกย์" หน่วยพันธุกรรมเฉพาะที่ทำให้รักเพศเดียวกัน

ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติตีพิมพ์ผลการวิจัยข้างต้นในวารสาร Science โดยระบุว่าได้วิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมจำนวนมากที่ได้จากคลังข้อมูลชีวภาพของสหราชอาณาจักร (UK Biobank) และจากฐานข้อมูลของบริษัท 23andMe ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นธุรกิจรับตรวจวิเคราะห์ดีเอ็นเอให้กับบุคคลทั่วไป

เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลทางพันธุกรรมของกลุ่มตัวอย่างทั้งชายและหญิงราว 4% ซึ่งบอกว่าเคยมีประสบการณ์ทางเพศกับเพศเดียวกันมาแล้ว กับข้อมูลทางพันธุกรรมของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด พบว่ากลุ่มที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกันมีความผันแปรทางพันธุกรรมที่แตกต่างจากคนทั่วไป (genetic variations) ในยีนอย่างน้อย 5 ตัว

อย่างไรก็ตาม ยีนที่มีความผันแปรเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรักเพศเดียวกันในทางอ้อมทั้งสิ้น เช่นเกี่ยวข้องกับการรับรู้กลิ่นและการผลิตฮอร์โมนเพศ แต่ไม่มียีนตัวไหนเลยที่มีอิทธิพลต่อการเป็นคนรักเพศเดียวกันโดยตรง

ทีมผู้วิจัยประเมินว่า ยีนที่มีความผันแปรดังกล่าวมีโอกาสจะทำให้เกิดพฤติกรรมแบบชาวสีรุ้งได้เพียง 1% เท่านั้น และปัจจัยทางพันธุกรรมโดยรวมมีผลทำให้คนเป็นเกย์ได้อย่างมากเพียง 25% โดยยังมีปัจจัยทางชีวภาพและปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เข้ามามีอิทธิพลร่วมด้วย คล้ายกับเรื่องของความสูงที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลากหลายนอกเหนือไปจากพันธุกรรม

ทั้งนี้ ความเชื่อที่ว่ามี "ยีนเกย์" ซึ่งกำหนดพฤติกรรมรักเพศเดียวกันโดยเฉพาะนั้น มาจากงานวิจัยของ ดร. ดีน แฮเมอร์ นักพันธุศาสตร์ชาวอเมริกันเมื่อปี 1993 ซึ่งพบความเชื่อมโยงระหว่างเครื่องหมายดีเอ็นเอ (DNA marker) บนโครโมโซมเอกซ์ (X) กับพฤติกรรมทางเพศของผู้ชาย แต่ในปัจจุบันมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ว่า พันธุกรรมมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศอย่างจำกัดและซับซ้อนยิ่งกว่านั้น

ที่มา BBC

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562

แบนถุงพลาสติก ได้ผลจริงหรือ ?


2 ปีที่แล้ว เคนยาเริ่มห้ามไม่ให้มีการใช้ถุงพลาสติก มาตรการลดการใช้ถุงพลาสติกนี้ได้ผลแค่ไหนกัน

ก่อนหน้านี้ มีการใช้ถุงพลาสติกหลายสิบล้านถุงในซูเปอร์มาร์เก็ตของเคนยาในแต่ละปี เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ไปอุดท่อระบายน้ำและส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในช่วงหน้าฝน

การศึกษาของหน่วยจัดการด้านสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (National Environmental Management Agency หรือ Nema) ของเคนยา ระบุว่า มีการพบถุงพลาสติกในท้องของปศุสัตว์บริเวณใกล้เขตเมืองมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนสัตว์ทั้งหมด

หลังจากสัญญาว่าจะเริ่มแก้ไขปัญหานี้มาหลายปี รัฐบาลก็สั่งให้การผลิต การขาย และแจกจ่ายถุงพลาสติก ผิดกฎหมายในที่สุด

รัฐบาลระบุว่า ตั้งแต่เริ่มสั่งห้าม มีประชากร 80 เปอร์เซ็นต์ที่หยุดใช้ถุงพลาสติกแล้ว

แม้นี่จะฟังดูเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ทางเลือกอื่นที่คนหันไปใช้ก็เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน

ผู้ผลิต นำเข้า และขายถุงพลาสติก อาจถูกปรับถึง 40,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.2 ล้านบาท และจำคุกถึง 4 ปี ผู้ใช้ถุงพลาสติกอาจถูกปรับมากกว่า 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 15,000 บาท หรือจำคุกถึง 1 ปี

ถึงตอนนี้ มีการสั่งปรับระหว่าง 500-1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 15,500-45,000 บาท) กับคนราว 300 คนแล้ว เคริอาโค โทบิโค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมบอกว่า บางคนก็ถูกจำคุก

ปีที่แล้ว คนที่สารภาพผิดในชั้นศาลในเมืองมอมบาซา 18 คน ถูกปรับ 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 9,000 บาท หรือถูกจำคุก 8 เดือนโทษฐานใช้ถุงพลาสติก

บางกรณี คนที่กระทำความผิดเป็นครั้งแรกก็ได้รับการผ่อนผันไป

มาโม มาโม รักษาการผู้อำนวยการหน่วยจัดการด้านสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ บอกว่าในแต่ละกรณีจะปล่อยให้เป็นวิจารณญาณของผู้พิพากษาในการตัดสินโทษ

Mamo บอกว่า โทษที่หนักที่สุดตอนนี้เป็นการสั่งจำคุกผู้ผลิตเป็นเวลาหนึ่งปี โดยไม่เปิดทางให้จ่ายค่าปรับแทน เขาบอกว่าการห้ามใช้สร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริงแล้ว เห็นได้จากโรงฆ่าสัตว์ที่บอกว่าพบถุงพลาสติกในท้องสัตว์น้อยลง

แม้ว่าโดยภาพรวมแล้วถือว่าการห้ามใช้ถุงพลาสติกเป็นมาตรการที่ได้ผล แต่ถุงพลาสติกบางประเภทก็ไม่ได้หายไปทั้งหมด

ในขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าบางร้านเลิกใช้ถุงพลาสติกแล้ว ร้านค้ารายย่อย ๆ ใช้ถุงที่ทำจากพลาสติกใส มีสัญญาณให้เห็นว่าถุงเหล่านี้ถูกลักลอบเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูกันดาและโซมาเลีย

การลักลอบลักษณะนี้เป็นปัญหาสำหรับรวันดา ซึ่งเริ่มห้ามใช้ถุงพลาสติกตั้งแต่ปี 2008 เช่นกัน รวมถึงโมร็อกโก ซึ่งเริ่มห้ามใช้ถุงพลาสติกตั้งแต่ปี 2007 แทนซาเนีย ซึ่งเคยเป็นแหล่งผลิตถุงพลาสติกเพื่อการลักลอบ ก็เริ่มห้ามใช้ตั้งแต่เดือน มิ.ย.


หลังจากเริ่มห้ามใช้ถุงพลาสติก คนก็หันไปใช้ถุงพลาสติกที่ทำจากโพลีโพรพีลีน ซึ่งเป็นประเภทพลาสติกที่นำไปรีไซเคิลง่ายกว่าโพลิธีน แทน

อย่างไรก็ตาม หน่วยจัดการด้านสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพบว่า ผู้ผลิตเริ่มใช้ โพลิธีน เป็นส่วนผสมมากขึ้น ทำให้พลาสติกไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้

เมื่อ มี.ค. รัฐบาลสั่งห้ามใช้ถุงที่ทำจากโพลีโพรพีลีน จนกว่าจะมีการผลิตที่ได้มาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตและผู้ค้าก็เรียกร้องจนรัฐบาลต้องถอย และถุงที่ทำจากโพลีโพรพีลีนยังสามารถใช้ได้อยู่

สมาคมผู้ผลิตเคนยา (Kenya Association of Manufacturers หรือ Kam) บอกว่า การห้ามใช้ถุงพลาสติกส่งผลทำให้มีคนตกงาน การลงทุน และเศรษฐกิจเสียหาย เนื่องจากมีผู้ผลิตหลายเจ้าที่ย้ายกิจการไปประเทศอื่น

อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตบางรายก็หันไปผลิตถุงที่ทำจากวัสดุชนิดอื่นแทน แต่เกรซ บอโก เจ้าหน้าที่ด้านประชาสัมพันธ์ของ Kam บอกว่า ความสามารถในการผลิตยังมีอยู่อย่างจำกัดเนื่องจากไม่สามารถหาวัตถุดิบในประเทศได้เพียงพอ

ที่มา BBC

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เปิดห้องแล็บเพาะ “ยุงติดเชื้อ” มาลาเรียไวแว็กซ์ ต่อยอดวัคซีนต้าน


วันนี้ (28 ส.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางเจตสุมน สัตตบงกช หัวหน้าโครงการวิจัยคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล นำทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ ลงพื้นที่สำรวจห้องแล็บเพาะเลี้ยงยุงที่มีเชื้อมาลาเรีย สำหรับทดสอบวัคซีนป้องกันเชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ไวแว็กซ์ที่มีปัญหากลายพันธุ์ดื้อยา ภายใต้โครงการ Malaria Infection Study in Thailand : MIST หลังสถานการณ์มาลาเรียทั่วโลกยังวิกฤต โดยมีคนเป็นไข้มาลาเรียมากกว่า 200 ล้านคน ในจำนวนนี้มีเกือบ 400,000 คน ที่ตายด้วยไข้มาลาเรีย

คณะเวชศาสตร์เขตร้อน จำลองสภาพห้องแล็บให้เหมาะสมกับการเจริญพันธุ์ของยุง เพื่อเพาะเลี้ยงยุงส่งออกไปยังต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นต้นตอทดสอบวัคซีนป้องกันเชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ไวแว็กซ์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ส่งผลกระทบต่อคนไทยมากที่สุด โดยพบว่ากว่าครึ่งของผู้ป่วยมาลาเรียในไทยป่วยจากเชื้อชนิดนี้ ซึ่งแม้ไม่อันตรายรุนแรงถึงชีวิต แต่ด้วยคุณสมบัติที่เป็นเชื้อชนิดเรื้อรัง ถึงรักษาหายแล้วแต่ก็กลับมาเป็นซ้ำอีกหลายครั้ง



สำหรับเชื้อไวแว็กซ์จะมีการกลายพันธุ์และพัฒนาเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ก่อนจะพัฒนาเพื่อฝังตัวในตับ ซึ่งยาอาร์ติมิซินินที่ใช้ฆ่าเชื้อมาลาเรียจะออกฤทธิ์เฉพาะในกระแสเลือดจึงไม่มีผลต่อเชื้อไวแว็กซ์ ส่วนยาไพรมาควินที่ใช้กำจัดเชื้อไวแว็กซ์ระยะแฝงตัวในตับก็มีผลข้างเคียงสูงต่อผู้ป่วยบางกลุ่ม และต้องกินยาติดต่อกันเป็นเวลานาน จึงเป็นอุปสรรคต่อการรักษาและกำจัดโรคมาลาเรียในภูมิภาคแถบลุ่มแม่น้ำโขงและประเทศไทย

ที่มา TPBS

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562

QQ 23 ดาวเคราะห์น้อยเข้าใกล้โลก 10 ส.ค.นี้ แค่เฉียดไม่ได้พุ่งชนโลก

Image may contain: night
ที่มา สดร. NASA
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ชี้แจงกรณีข่าวดาวเคราะห์น้อยเฉียดโลก 10 สิงหาคมนี้ เผยไม่เกิดผลกระทบต่อโลก วอนคนไทยอย่าตระหนก

ดาวเคราะห์น้อย 2006 QQ23 ถูกค้นพบโดยหอดูดาวไซดิงสปริง ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2549 จัดอยู่ในประเภทดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก (Near-Earth Asteroids) เนื่องจากมีการโคจรรอบดวงอาทิตย์ที่ระยะห่างประมาณ 85-154 ล้านกิโลเมตร ทั้งนี้ นักดาราศาสตร์ได้นิยามเกี่ยวกับวัตถุใกล้โลก คือ วัตถุที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ และมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 147-194 ล้านกิโลเมตร (โลกของเราโคจรอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ที่ระยะห่างประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร) มีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ประมาณ 263 วัน เคยโคจรเข้าใกล้โลกมาแล้วหลายครั้ง การโคจรเข้าใกล้โลกในวันที่ 10 สิงหาคม 2562 นี้จึงถือเป็นเรื่องปกติ



แม้ดาวเคราะห์น้อย 2006 QQ23 จะมีขนาดใหญ่ และเป็นดาวเคราะห์น้อยที่นาซาและนักดาราศาสตร์ทั่วโลกติดตามมาโดยตลอด จึงสามารถคาดการณ์ตำแหน่งการโคจรของดาวเคราะห์น้อยนี้ได้อย่างแม่นยำ และพบว่าอยู่ห่างจากโลกมาก สำหรับการโคจรเข้าใกล้โลกในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จึงไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อโลก แต่ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ศึกษาดาวเคราะห์น้อยดังกล่าว ในส่วนของ สดร. ก็ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.7 เมตร ของหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ ณ สถานีรายงานดอยอินทนนท์ กองทัพอากาศสำหรับสังเกตการณ์วัตถุนอกโลก ร่วมกับนักดาราศาสตร์ทั่วโลกเช่นกัน

ที่มา workpoint

วัยรุ่นอังกฤษตาบอด หลังกินแต่มันฝรั่งทอดเป็นอาหารหลายปี

กรณีข้างต้นเป็นรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Annals of Internal Medicine โดยจักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลรักษาโรคตาเมืองบริสตอลระบุว่า วัยร...